กองทุน SSFX เลือกลงทุนแบบไหนดี
SSFX เป็นกองทุนหุ้นไทย (ถือหุ้นไทยอย่างน้อย 65% ) และซื้อได้ถึง 30 มิย นี้ โดยทั้งหมดเป็นกองพึ่งออกจำหน่ายหรือ IPO
ดังนั้นการดูผลงานของแต่ละกองในอดีตอาจทำได้ยาก
แต่จะเลือกอย่างไร ขอแบ่งเป็นประเภทกองตามนี้ครับ (โดยจะเลือกกองที่ซื้อใน fund connext)
กองประเภท passive และ กึ่ง passive
คือตามดัชนีเป๊ะ หรือ เอาหุ้นในดัชนี มา enhance สร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม
กองประเภทนี้ไม่ต้องคิดมากทำตามดัชนี ข้อดีคือกระจายความเสี่ยง ผลตอบแทนตามดัชนีติดตามง่าย และมีค่าธรรมเนียมต่ำ
KFS100ssfx ลงทุนตามดัชนี set 100 ค่าธรรมเนียมรวม 0.7206% ต่อปี
PHATRA ESG SET50SSFX ลงทุน โดยเลือกหุ้นใน set50 ที่ มีพื้นฐานดี ยึดหลัก ESG สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล อัตราค่าธรรมเนียม0.56175% ต่อปี
PRINCIPAL SET50 SSF-SSFX ลงทุนตามดัชนี SET50 ค่าธรรมเนียม 0.882% ต่อปี
กลุ่ม passive กอง phatra น่าสนใจในแง่ เน้นหุ้นใหญ่ และอาจจะมีการ active ในการให้น้ำหนัก และดูเรื่อง ESG สำคัญ ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด รองมา KFS100ssfx ตาม SET100
กลุ่ม active
เป็นประเภทที่ ทีมงานผู็จัดการกองทุน คอยหาโอกาส คัดเลือก และจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้เหมาะสมและมากกว่าตัวดัชนี การที่ active ก็จะทำให้กองทุนประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูงกว่า กลุ่ม Passive กองประเภทนี้มีมาก กองทุนที่น่าสนใจ อาจจะดูจาก่ข้อมูล ที่บลจ เคยบริหารอย่างกอง LTF ในอดีต
UOBEQ-SSFX กองทุนเน้น active ในการสร้างผลตอบแทน กอง LTF ที่ UOB บริหารให้ผลงานในอดีตที่ดี อย่าง CG LTF,UOBLTF คาดว่า กลยุทธ์ และสไตล์การลงทุนน่าจะคล้ายกัน ค่าธรรมเนียม 2.07%ต่อปี สูงทีเีดียว
ฺBEQSSF ของบลจ บัวหลวง ซึ่ง 3 เดือนนี้กองนี้เป็น SSFX แต่หลังจาก 30 มิย จะเป็น ssf ปรกติ ใครคุ้นเคยกอง active ของบลจ บัวหลวง โดยกองนี้ 80% ลงหุ้นใน set และ mai ส่วนที่เหลือเปิดกว้างในการลงทุน อาจจะเป็น ETF ตราสารหนี้ PROP FUND REIT Private equity เปิดกว้าง ค่าธรรมเนียม 2.94% ค่อนข้างสูงทีเดียว
ASP-SME-SSFX ของ asset plus เน้นลงทุนหุ้นขนาด กลางและ เล็ก บริหารแบบ active ค่่าธรรมเนียม 2.6% ต่อปี
กลุ่ม active หลายกองให้ผลตคตอบแทนที่ดีกว่าตลาด แต่ก็มีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า passive อยู่ทั้งนีี้ขึ้นอยู่กับความชอบ
SCBEQ-SSFX scb หุ้นไทย active เพื่อการออม ชนิดพิเศษ ของค่าย scb ที่ลงทุนในหุ้นทั้งใน set และ mai บริหารเชิงรุก active ซึ่งที่ผ่านมา SCB บริหารกอง LTF ได้ค่อนข้างดี ติดอันดับ อย่าง SCBLT1,SCBLT2
กลุ่ม บริหารแบบ asset allocation
คือ กระจายการลงทุน โดยมีหุ้นอย่างน้อย 65% ที่เหลือ ไปตราสารประเภทอื่นเพื่อลดความเสี่ยงอย่างตราสารหนี้
๋MTF-SSFX MFC Thai flexible SSFX ลงทุนในหุ้นไทย SET MAI 65% กองทุน PFNREIT ไม่เกิน 25% และตราสารหนี้ จัดพอร์ท ไสตล์ Moderate allocation ค่าธรรมเนียม 1.733% ต่อปี
LHSMARTDSSF-SSFX ของ บลจ LHFUND กระจายการลงทุน และมีปันผล โดยจัดพอร์ทโดยมี bench mark เป็น หุ้น 40% PFNREIT 40% และตราสารหนี้ระยะสั้น กลาง 20% เรียกว่าจัดพอร์ท แบบ Aggressive allocation
KT70/30S-SSFX , SCB70-SSFX กองทุนผสม บริหารแบบ active ที่ลงทุน ได้ในตราสารทุกประเภทโดยจะลงทุนในหุ้นไทย ไม่ต่ำกว่า 65% และไม่เกิน 70๔
กลุ่มจ่ายปันผลหรือไม่จ่าย
ด้วยกติกาที่ต้องลงทุนในระยะเวลาที่ยาวคือ 10 ปีจึงจะทำการขายคืนได้โดยไม่ผิดกติกา ท่านที่ต้องการกระแสเงินสดกลับเข้ากระเป๋าระหว่างทางถ้ากองมีกำไร ก็สมควรอย่างยิ่งในการเลือกกองทุนที่จ่ายปันผล แต่อย่าลืมว่า เงินปันผลมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% แต่ถ้าท่านมองว่าอยากให้เงินก้อนนี้ทบต้นอย่างต่อเนื่องไม่ต้องการเอาเงินออก ก็เลือกแบบไม่ปันผลได้ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว ยังให้เงินทำงานทบต้นให้เต็มที่